คงจบซีรี่ส์โรคที่มากับน้ำท่วมไว้ดื้อๆ แค่สองตอนเท่านั้นก่อนล่ะนะคะ
(สองตอนนี่มันเรียกซีรีส์ได้รึเปล่าฟะ 555)
ด้วยเหตุจำเป็นหลายอย่าง เหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมเรื่อยมาจนถึงช่วงก่อนนี้
ทำเอาชีวิตพลิกตลบหน้าตลบหลังวุ่นวายมาก อะไรที่เคยยึดเหนี่ยวไว้เป็นหลักที่พึ่งเสมอมา
ก็ดันสั่นคลอนเปลี่ยนแปลงไปก่อนเวลาอันควร ทำเอาชีวิตเคว้งไปพักนึงเลยทีเดียว

และจากที่จู่ๆ ได้หยุดน้ำท่วมไปเฉยๆ เดือนนึง
กลายเป็นว่าชีวิตการเรียนหลังน้ำท่วมนี่มันนรกสิ้นดีเลยค่ะคุณผู้ชม 
เพิ่งจะได้โผล่พ้นน้ำหายใจเต็มปอดก็สักห้าหกวันนี้เอง ก่อนหน้านี้ใช้พะงาบๆ เอา 
พูดเรื่อยเปื่อยมาถึงจุดนี้นี่จุดประสงค์คือ พอหยุดเขียนบล็อกไปนานแล้วมันต่อไม่ติดน่ะ กำลังหาจุดร่วมจะเขียนต่อ 555
เอาเป็นว่า เอางานช่วงปีสามที่เป็นชิ้นเป็นอันมาแปะไว้สักชิ้นก่อนนะเฮิ้ฟ แล้วค่อยว่ากันต่อไป

คลิกโลดจ้ะ

v
v

โรคฮิตติดน้ำที่มากับน้ำท่วมอีกโรคคงหนีไม่พ้น “น้ำกัดเท้า” หรือ “ฮ่องกงฟุต”
เออทำไมเรียกฮ่องกงฟุตก็ไม่รู้เนอะ ส่วนภาษาอังกฤษเรียก Athlete’s foot (โรคทีนนักกรีฑา)
นั่นแหละค่ะ

อาการก็คือ คัน ตามง่ามนิ้วเท้า เท้าเปื่อย แสบ ถ้ายิ่งไปเกาจนเกิดแผลจะยิ่งง่ายต่อการติดเชื้อ
ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียก็มักจะมีอาการอักเสบ ปวดบวมแดงร้อน ถ้าเป็นเชื้อราก็มักมีผิวหนังแตกเป็นขุย หลุดลอก ที่เหมือนกันคือคันมว้ากกก ยิ่งคันยิ่งเกา ยิ่งเกายิ่งมัน เลยยิ่งติดเชื้อง่ายเข้าไปอีก

เฮ วนกลับเข้าวงจรอุบาทว์เหมือนเดิม

อ่านต่อคลิกโลดจ้ะ

v
v

คุยกันสั้นๆ บล็อกตอนนี้ที่จริงเตรียมข้อมูลไว้สำหรับไปออกหน่วยน้ำท่วมที่อยุธยา
แต่โชควาสนานำพาเลยไม่ได้ไป เสียใจนิดนึงที่อดไปทำสิ่งที่อยากทำ
แต่ก็ดีใจที่สาเหตุที่ไม่ได้ไปเพราะรถเต็ม อาจารย์กับพี่ๆ คลินิกอาสาไปช่วยที่ศูนย์อพยพกันเยอะมาก

ส่วนตอนนี้ข้าพเจ้าเองก็กลายมาเป็นเป็นผู้ประสบภัยเต็มตัวแล้วจ้า เพียงแต่ยังโชคดีที่อพยพได้ทัน เลยไหนๆ ก็ไหนๆ เอาสิ่งที่จะเตรียมไปเผยแพร่มาย่อยทำ infographic อ่านง่ายๆ ดูง่ายๆ ดีกว่า

พูดไปก็ยาวเนอะ ไปดูกันค่ะว่าเราจะป้องกัน แก้ไข ปัญหาโรคระบาดที่จะมากับน้ำท่วมได้ยังไงกันบ้างในช่วงวิกฤตน้ำท่วมนี้

ตอนนี้ขอนำเสนอปัญหา “ท้องเสีย” ค่ะ

อ่านต่อคลิกโลดจ้ะ

v
v